วันพฤหัสบดีที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

เทคนิคคิดเลขเร็ว

วิธีการบวก 
ตัวอย่างการบวกเลข 2 หลัก
        95 38 = ?
       วิธีคิดในใจ คือ แยกตัวเลขเป็น 2 กลุ่ม คือ (90 30) และ (5 8) แล้วนำมารวมกัน ได้ 133
    ตัวอย่างการบวกเลข 3 หลัก
       763 854 = ?
        วิธีคิดในใจ คือ 800 700 =1,500 แล้วบวก 60 50 ได้ 1,610 แล้วนำไปบวกกับ 3 4 ที่เหลือ ได้คำตอบของโจทย์นี้เท่ากับ 1,617
       วิธีการลบ
 
ส่วนวิธีลบ น่าจะเป็นวิธีที่คนทั่วไปไม่รู้ เพราะปกติเราจะตัวเลขตั้งแล้วลบ แต่วิธีของ ดร.เบนจามินคือ เปลี่ยนจากตัวเลขลบเป็นบวก (complement)
       เช่น -23 มี complement เป็น 77
        ตัวอย่าง คือ 138-68 ให้เปลี่ยนเป็น (138 32) – 100 จะคิดได้ง่ายกว่า
        หรืออีก ตัวอย่าง 857-192 = ? มีวิธีคิดง่ายๆ คือ เปลี่ยนเป็น 857-200 = 657 แล้วบวกด้วย 8 ที่ลบเกินไป จะได้คำตอบ 665
       วิธีการคูณ
สำหรับวิธีคูณก็คิดจากซ้ายไปขวาเช่นกัน
        อาทิ 13x14=? ให้แยกเป็น (13x10) (13x4) = 130 52 = 182
        หรือ 68x49 ให้คิดเป็น 68x50 = 3,400 แล้วลบ 68 ที่คูณเกินมา หรือ 84x21 = ? ให้คิดเป็น 84x20=1,680 แล้วบวกด้วย 84 ที่ยังคูณไม่ครบ
       วิธีคิดเลขยกกำลัง
 
มาถึงเลขยกกำลัง ยกตัวอย่างการยกกำลัง 2 โดยระบุว่า ให้ปัดตัวเลขเพื่อให้เหลือตัวคูณเพียง 1 หลัก
        อาทิ 232 ซึ่งแยกได้เป็น 23x23 ให้ปัดตัวเลขขึ้น-ลงเป็น 26x20 = 520 แล้วบวกเข้ากับจำนวนยกกำลังสองของค่าที่ปัดขึ้น-ลง ซึ่งในตัวอย่างนี้คือ 32 จะได้คำตอบเป็น 529
       อีกตัวอย่างคือ 782 ปัดได้เป็น (80x76) 22 = 6,084
       วิธีการหาร
ส่วนการหารเลขยกกำลังนั้น ไม่แตกต่างจากที่วิธีคิดเดิมเท่าไหร่ เนื่องจากปกติเราหารจากซ้ายไปขวาอยู่แล้ว
       มีหลายวิธีเช่น
1. ใช้ตัวหน้าคูณของทั้งสองจำนวนคูณกันแล้วเอาเลขที่เป็นตัวหลังมาบวกแล้วตั้งไว้
2. ต่อท้ายด้วยตัวหลังคูณตัวหลัง (ต้องเป็นเลขสองหลักเท่านั้น)
(หน้า x หน้า หลัง แล้วต่อท้ายด้วย หลัง x หลัง)
ตัวอย่าง ที่ 1 จงหาผลคูณของ49 x 69
วิธีคิด 49 x 69 = 4 x 6 แล้วบวกด้วย 9 = 33 ต่อท้ายด้วย (9 x 9) = 81
เพราะฉะนั้นคำตอบเท่ากับ 3381
ตัวอย่าง ที่ 2 จงหาผลคูณของ32 x 72
วิธีคิด 32 x 72 = 3 x 7แล้วบวกด้วย 2 = 23 ต่อท้ายด้วย (2 x 2) = 4 (แต่จากที่ต้องเป็นเลข 2 หลักจึงต้องต่อท้ายด้วย 04)
เพราะฉะนั้นคำตอบเท่ากับ 2304
สูตรบวกกันไปเรื่อย เรื่อย โดยเริ่มจาก 1

 ให้ใช้สูตร  [ (1 ตัวท้าย) ตัวท้าย]  2  = ผลลัพธ์
                หรือใช้สูตรโบราณว่า    "เอา  1  บวกเข้า    เอาเก่ามาคูณ   เอา 2 หารตัด  ขาดลงเป็นผลลัพธ์"
ตัวอย่าง เช่น
               บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200
                
            ดังนั้น  บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 200  =  20,100

การบวกไป เรื่อย เรื่อยโดยไม่เริ่มจาก 1
1. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวท้ายโดยใช้สูตร    (1 ตัวท้าย) ตัวท้าย 2  = ตัวตั้ง
2. บวกเลขเรียงจาก 1 ถึงตัวก่อนเริ่มใช้สูตร คือ (1 ตัวก่อนเริ่ม)ตัวก่อนเริ่ม 2  = ตัวลบ
3. เอาผลลัพธ์ที่ได้จาก ข้อ 1 - 2 เป็นผลบวกเลขเรียงที่ไม่เริ่มต้นจาก 1

ตัวอย่าง เช่น
               บวกเลขเรียงจาก 9 ถึง 20
                     บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 20 ได้ 210 เป็นตัวตั้ง
                     บวกเลขเรียงจาก 1 ถึง 8   ได้   36 เป็นตัวลบ
            ดังนั้น  บวกเลขเรียงจาก 9 ถึง 20  =  210 - 36 =  174

 การบวกคี่จำนวน
ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด
ตัวอย่าง เช่น
               97 98 99 100 101 =  .............................
               สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมี 5 จำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ 99
               ให้เอา 5 99  =  495           
   ดังนั้น  97 98 99 100 101 =  495

การบวกคู่จำนวน
   ให้หาตัวกลางของจำนวนที่บวกกันนั้น คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด  ซึ่งตัวกลางมี 2 จำนวน ให้เอาตัวกลาง 2 จำนวนนั้นบวกกันแล้วเอา 2 หารได้ผลลัพธ์เท่าไร คูณกับจำนวนที่ให้บวกกันทั้งหมด ก็จะได้ผลลัพธ์ที่ถูกต้องและรวดเร็ว
ตัวอย่าง เช่น
               97 98 99 100 101 102  =  .............................
               สังเกตพบว่่าจำนวนที่ให้บวกกันนั้นทั้งหมดมี 6 จำนวน และตัวกลางของจำนวนเหล่านี้คือ (99 100) 2 = 99.5
               ให้เอา 6 99.5  =  597           
   ดังนั้น  97 98 99 100 101 102  =  597




ที่มา : http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.php?mul_content_id=13188

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น